วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562

Past of speech



อ้างอิง
https://www.tonamorn.com/english/grammar/part-of-speech/

https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/parts-of-speech-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94/

Part of Speech คืออะไร

  • Part อ่านว่า พ๊าท แปลว่า ส่วน, ชิ้นส่วน
  • of ออฟ แปลว่า ของ
  • Speech คือ คำพูด
ตามหลักแกรมม่าแล้ว Part of Speech ภาษาอังกฤษ แปลว่า “ส่วนของคำพูด” แต่ความหมายจริงๆของมันคือ ประเภทของคำหรือชนิดของคำนะครับ ก่อนจะสรุปว่า Part of speech คืออะไร  ลองมาอ่านประโยค part of speech ง่ายๆเหล่านี้ก่อนนะครับ
→ My name is Tom. ชื่อของผมคือทอม (นาม)
→ I am American. ผมคือคนอเมริกัน(สรรพนาม)
→ I’m tall and slim. ผมตัวสูงและเพรียว(คุณศัพท์)
→ I can play tennis. ผมเล่นเทนนิสเป็น (กริยา)
→ And I can run fast. และมผมสามารถวิ่งได้เร็ว (กริยาวิเศษณ์)
→ I love Thailand and Thai people. ผมรักประเทศไทยและคนไทย(สันธาน)
→ It’s hot in April. มันร้อยในเดือนเมษายน (บุรพบท)
→ Well!! I must go now. Bye. อ้อ ผมต้องไปเดี๋ยวนี้ (อุทาน)
เห็นตัวแดงๆหนาๆไหมครับ นั่นคือคำชนิดต่างๆครับผม ดังนั้นสรุปได้ว่า part of speech คือ คำประเภทต่างๆซึ่งมีด้วยกัน 8 ชนิด

 ◊ Part of Speech เขียนอย่างไรให้ถูก

เนื่องจากการเรียนหลักแกรมม่า ทุกคนจะต้องรู้จักคำว่า  parts of speech เป็นด่านแรก แต่หลายคนยังเขียนไม่ค่อยถูกกัน บ้างก็เขียนว่า path of speech แปลว่า “หนทางของคำพูด” บ้างก็เขียนว่า past of speech แปลว่า “อดีตของคำพูด” บ้างก็เขียน part of speed แปลว่า “ส่วนของความเร็ว” บางคนหนักกว่าเขียนว่า past of speed แปลว่า “อดีตของความเร็ว”
ส่วนคำว่า parts of speech เมื่อเราจะสื่อความหมายว่ามันมีถึง 8 อันนะ นั่นคือ  The eight parts of speech คือ คำพูดทั้ง 8 ชนิด

♦ Part of speech หน้าที่คืออะไร

เนื่องจากเรารู้ความหมายแล้วว่า part of speech คือคำทั้ง 8 ชนิด ดังนั้นหน้าที่ของมันหลักๆก็คือการรวมตัวกันเป็นวลี หรือประโยคเพื่อใช้ในการสื่อสารดังตัวอย่างเนื้อหาด้านบน ซึ่งคำแต่ะละประเภทก็มีหน้าที่ Functions แตกต่างกันกันออกไปเช่น noun ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรมของประโยค verb ทำหน้าที่บ่งบอกการกระทำของประธานpreposition ทำหน้าที่เชื่อมคำ เป็นต้น
การจะเรียนรู้เรื่อง part of speech อย่างละเอียด ไม่ใช่เรื่องที่จะเรียนวันเดียวให้เข้าใจได้ทั้งหมด เพราะมีทั้งเรื่องหลักๆ และรายละเอียดหยุมหยิมมากมาย ดังนั้นค่อยๆเรียนรู้ทำความเข้าใจไปทีละอย่างนะครับ

♦ Part of speech มีกีชนิดหรือกี่ประเภท

อย่างที่เกริ่นนำไปแล้วว่า part of speech มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 ชนิด ได้แก่
1. Noun (คำนาม) คือคำที่ใช้แทนคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ (รวมถึง ชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่)
  • คน เช่น boy girl man student doctor king father/ John Sam Ted Tom
  • สัตว์ เช่น dog cat bird tiger / Simba Kitty
  • สิ่งของ เช่น TV radio fan car soap / Sony Samsung Lux
  • สถานที่ เช่น market bank city country / London Thailand England

2. Pronoun (สรรพนาม) คือ คำที่ใช้แทนคำนามด้านบน เช่น I me/ you/ he him/ she her/it/ this /that
3. Adjective (คุณศัพท์) คือคำที่ใช้บอกลักษณะของคำนาม เช่น tall short small big
4. Verb (กริยา) คือคำที่ใช้แสดงการกระทำ เช่น go come run walk
5. Adverb (กริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้อธิบายการกระทำว่าทำอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ เช่น fast slowly here there today yesterday
6. Conjunction (คำสันธาน) คือคำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เช่น and but or so
7. Preposition (คำบุรพบท) คือคำที่ใช้แสดงความสัมพันธ์ของคำ เช่น in on at by from
8. Interjection (คำอุทาน) คือคำที่ใช้แสดงอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ เสียใจ เช่น wow eh um

Part of speech ที่ต้องเรียนรู้พลาดไม่ได้

  • หัวข้อรองคือ 5 6 7 8 เพราะไม่มีอะไรซับซ้อน คล้ายภาษาไทยเลย
  • 4 ข้อแรกต้องศึกษาให้ละเอียดแจ่มแจ้งหน่อย เพราะกฎเกณฑ์ต่างจากภาษาไทยค่อนข้างมากทีเดียว ซึ่งหัวข้อที่ควรศึกษามีรายละเอียดดังนี้


1. คำนาม
  • นามทั่วไป กับนามเฉพาะ  (เรียนผ่านแล้วผ่านเลย ไม่สำคัญเท่าไหร่)
  • นามเอกพจน์ พหูพจน์ (เรียนให้เข้าใจ จำให้ได้) เพราะ
    – การเปลี่ยนเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าคำนั้นมีพยัญชนะตัวใดลงท้าย เช่น s, sh, ch, x, o, y, f เป็นต้น
    – นามพหูพจน์บางตัวไม่เปลี่ยนรูปเลย ไม่ว่าเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เช่น deer sheep fish
    – นามบางตัวลงท้ายด้วย s ซึ่งน่าจะเป็นพหูพจน์ แต่กลับเป็นเอกพจน์เฉยเลย เช่น news, physics
    – นามบางตัวเปลี่ยนสระภายในเพื่อแสดงความเป็นพหูพจน์ เช่น men children
2. สรรพนาม
  •  บุรุษสรรพนาม (Personal pronoun) สรรพนามที่คนไทยสับสนเพราะมี 2 ประเภท แยกชัดเจนว่าตัวไหนเป็นประธาน ตัวไหนเป็นกรรมในขณะที่ภาษาไทยและอีกหลายภาษาในประเทศที่อยู่ภูมิภาคเอเชีย สรรพนามที่เป็นประธานกับกรรมใช้ตัวเดียวกัน เช่น
    • ผมรักหล่อน และหล่อนรักผม
    เห็นไหมครับว่า คำว่า หล่อน กับ ผม ไม่ว่าจะเป็นประธานของประโยคหรือกรรมของประโยคก็เป็นตัวเดียวกันเลย
    ทีนี้มาดูตัวอย่างของภาษาอังกฤษบ้าง
    • I love her and she loves me.
    ผม รัก หล่อน และ หล่อน รัก ผม
    เห็นไหมว่าคำว่าผมมีทั้ง I และ me และคำว่า หล่อน ก็มีทั้ง her และ she ตรงนี้แหละที่สร้างความปวดหัวให้กับผู้เรียน เพราะต้องจดจำให้ดีว่าคำไหนเป็นประธานและคำไหนเป็นกรรมของประโยค

    สรรพนามตัวไหนเป็นประธานและตัวไหนเป็นกรรม

    แล้วจะสังเกตตรงไหนละว่าตัวไหนเป็นประธาน ตัวไหนเป็นกรรม ก็สังเกตที่คำกริยานะครับ ตัวไหนอยู่ก่อนกริยาตัวนั้นเป็นประธาน ตัวไหนอยู่หลังกริยาตัวนั้นเป็นกรรมครับ เช่น
    I love her and she loves me.
    คำกริยาก็คือ love
    • คำที่อยู่หน้า love คือ  I และ she สองตัวนี้เป็นประธาน
    • คำที่อยู่หลัง love คือ  me และ her สองตัวนี้เป็นกรรม
    มาดูตารางด้านล่างกันเลยว่าสรรพนามที่เป็นประธาน และกรรมมีอะไรบ้าง (ท่องให้จำขึ้นใจก็ได้นะครับ)
 ประธาน
 กรรม
คำแปล
I อาย
me มี
ฉัน
 You ยู
you ยู
คุณ
 He ฮี
him ฮิม
เขา
 She ชี
her เฮอ
หล่อน
 It อิท
it อิท
มัน
 We วี
us อัส
พวกเรา
They เด
them เด็ม
พวกเขา
ตัวอย่างประโยค
  • I love you. ฉันรักคุณ
  • You love him. คุณรักเขา
  • He loves her. เขารักหล่อน
  • She loves it. หล่อนรักมัน
  • It loves us. มันรักพวกเรา
  • We love them. พวกเรารักพวกเขา
  • They love me. พวกเขารักฉัน
  • My name is John. I am a student.  ฉันชือจอน ฉันเป็นนักเรียน
  • This is Mr. Tom. He  is my friend. นี่คือคุณทอม เขาเป็นเพือนฉัน
  • Those are my brothers. They are good at math. นี่คือบรรดาพี่ชายของฉัน พวกเขาเก่งคณิต
คำว่า They/them หมายถึง สัตว์ สิ่งของ ด้วยนะครับ ไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้น
  • Those are my cats. They are my friends and I like them.
เหล่าโน้นคือแมวของฉัน พวกมันเป็นเพื่อนของฉัน และฉันรักพวกมัน
  • These are cheap cars. They are imported from Japan.
นี่ คือ รถยนต์ ราคาถูก พวกมัน ถูกนำเข้า จาก ประเทศญี่ปุ่น
3. คุณศัพท์
  • แปลงร่างได้ สามแบบ คือ ขั้นปกติ ขั้นกว่า ขั้นสูงสุด และมีหลักเกณฑ์แยกย่อยไปอีกว่าทำยังไงให้ถูกต้องตามหลักภาษา

    การทำคำคุณศัพท์ให้เป็นขั้นกว่า และขั้นที่สุด

    ให้จำง่ายๆข้อแรกก่อนเลยคือ เติม -er ในขั้นกว่า และ  the  – est สำหรับขั้นที่สุด เช่น
    ขั้นปกติขั้นกว่าขั้นที่สุด
    tall สูงtaller สูงกว่าthe tallest สูงที่สุด
    small เล็กsmaller เล็กกว่าthe smallest เล็กที่สุด
    short สั้นshorter สั้นกว่าthe shortest สั้นที่สุด
    long ยาวlonger ยาวกว่าthe longest ยาวที่สุด
    old แก่older แก่กว่าthe oldest แก่ที่สุด
    cheap ถูกcheaper ถูกกว่าthe cheapest ถูกที่สุด
    ง่ายจัง เติมเอาอย่างนี้ทุกตัวหรือเปล่า ….ไม่ได้ต้องมีกฎกติกานิดหนึง

    ♥ กฎการเติม  -er และ -est

    • คำที่มีสระเสียงสั้นตัวเดียว และตัวสะกดตัวเดียว  ถ้าคุณสมบัติครบสองข้อนี้ ให้เติมตัวสะกดอีกตัวเข้าไป แล้วเติม -er -est เช่น
    ขั้นปกติขั้นกว่าขั้นที่สุด
    big  ใหญ่biggerthe biggest
    hot ร้อน hotter the hottest
    thin ผอม thinner the thinnest
    fat อ้วน fatter the fattest
    sad เศร้า sadder the saddest
    • คำลงท้ายด้วย y  ให้ตัด y ออก แล้วเติม -ier -iest เช่น
    ขั้นปกติขั้นกว่าขั้นที่สุด
    dirty สกปรกdirtierthe dirtiest
    dry แห้งdrierthe driest
    funny ตลกfunnierthe funniest
    lucky โชคดีluckierthe luckiest
    noisy เสียดังnoisierthe noisiest
    • คำสองพยางค์ที่ลงท้ายด้วย -ed, -ful, -ing, -less, -ous ให้ใช้ more..than  และ the most ข้างหน้า เช่น
    ขั้นปกติขั้นกว่าขั้นที่สุด
     worried เป็นกังวลmore worriedthe most worried
     helpful ชอบช่วยเหลือmore helpfulthe most helpful
     boring น่าเบื่อmore boringthe most boring
     useless ไร้ประโยชน์more uselessthe most useless
    famous มีชื่อเสียงmore famousthe most famous
    • คำที่มีสามพยางค์ขึ้นไป ให้ใช้ more..than และ the most ข้างหน้า เช่น
    ขั้นปกติขั้นกว่าขั้นที่สุด
    important สำคัญmore importantthe most important
    expensive แพงmore expensivethe most expensive
    dangerous อันตรายmore dangerousthe most dangerous
    difficult ยากmore difficultthe most difficult
    • คำเหล่านี้เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์
    ขั้นปกติขั้นกว่าขั้นที่สุด
    good ดีbetterthe best
    bad เลวworsethe worst
    far ไกลfartherthe farthest
    little เล็กlessthe least
    many มากmorethe most
    4. กริยา
    • สุดยอดของหัวใจวายากรณ์ สุดยอดแห่งความยาก (สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่ เพราะขี้เกียจอ่าน ขี้เกี่ยจจำ ขี้เกียจทบทวน)
    • กริยาหนึ่งตัวแปลงร่างได้หลากหลายเช่น  go goes going went gone ทั้งหมดที่เห็นนี้แปลว่า ไป แต่ไปคนละแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเอาไปใช้ Tense อะไร
    • กริยาแต่ละ Tense มีหน้าตาไม่เหมือนกันเลย หรือมีเหมือนกันบ้าง
    • คำว่า buy ช่อง 2 คำเขียนคือ bought แต่ก็อ่านคล้าย  taught ที่แปลว่าสอน ครับ ออกเสียง ออคำว่า have คืออีกคำหนึ่งที่ต้องจดจำให้แม่น เพราะตัวนี้ใช้ได้ในหลาย Tense

      กริยา3ช่อง ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล

      • ตารางกริยาอปกติ
      Irregular Verb กริยาอปกติ
      ช่อง 1ช่อง 2ช่อง 3แปล
      1
      be = is, am, arewas, werebeenเป็น อยู่ คือ
      2
      become (บิคั๊ม)became  (บิเค๊ม)becomeกลายเป็น
      3
      begin (บิกิ๊น)began  (บิแก๊น)begun (บิกั๊น)เริ่มต้น
      4
      bet  เบ็ทbet เบ็ทbetพนัน
      5
      bite ไบทbit บิทbitten (or bit) บิทเทินกัด
      6
      bleed บลีดbled  เบล็ดbledเลือดออก
      7
      blow บโลblew บลูblown บโลนพัด เป่า ตี
      8
      break เบรกbroke บโรคbroken บโรคเคินแตก
      9
      bring บริงbrought บรอทbroughtนำมา เอามา
      10
      build บิลดbuilt  บิลทbuiltสร้าง
      11
      burst เบิสทburstburstระเบิด
      12
      buy บายbought บอทboughtซื้อ
      13
      catch แค็ทชcaught คอทcaughtจับ , ขึ้นรถ
      14
      choose ชูสchose โชสchosen โชเซินเลือก
      15
      come  คัมcame เคมcomeมา
      16
      cost  คอสทcostcostมีราคา
      17
      cutcutcutตัด
      18
      dig  ดิกdug ดักdugขุด
      19
      dive ไดฝdived (or doveโดฝ)dived ไดฝดดำนํ้า
      20
      do ดูdid ดิดdone ดันทำ
      21
      draw ดรอdrew ดรูdrawn  ดรอนลาก วาด เขียน
      22
      drink  ดริงคdrank ดแรงคdrunk ดรังคดื่ม
      23
      drive ไดรฝdrove ดโรฝdriven ดริฝเฝินขับ(รถ)
      24
      eat อีทate เอทeaten อีทเทินกิน
      25
      fall ฟอลfell เฟ็ลfallen ฟอลเลินตก หล่น
      26
      feel ฟีลfelt เฟ็ลทfeltรู้สึก
      27
      fight ไฟทfought ฟอทfoughtต่อสู้
      28
      find ไฟนดfound  เฟานดึfoundพบ
      29
      fly ฟลายflew ฟลูflown ฟโลนบิน
      30
      forbid ฟอบิดforbade ฟอเบดforbidden ฟอบิดเดินห้าม
      31
      forget ฟอเก็ทforgot ฟอก็อทforgotten ฟอก็อทเทินลืม
      32
      freeze ฟรีสfroze โฟรสfrozen โฟรสเซินแข็งตัว หนาว
      33
      get เก็ทgot ก็อทgotเอา ได้รับ
      34
      give กิฝgave เกฝgiven กิฝเฝินให้
      35
      go โกwent เว็นทgone กอนไป
      36
      grind กรายดground  กราวดgroundบด ลับ
      37
      grow กโรgrew กรูgrown กโรนเติบโต, ปลูก
      38
      hang (pictures) แฮงhung ฮังhungแขวน ห้อย
      39
      hang (people) แฮงhanged  แฮงดhangedแขวนคอ
      40
      have แฮฝhad แฮดhadมี
      41
      hear เฮียheard เฮิดheardได้ยิน
      42
      hide ฮายดhid ฮิทhidden ฮิดเดินซ่อน
      43
      hurt เฮิทhurthurtทำร้าย
      44
      know โนknew นูknown โนนรู้
      45
      lay เลlaid เลดlaidวาง ออกไข่
      46
      lead ลีดled เหล็ดledนำ
      47
      learn เลินlearnt เลินทlearntเรียนรู้
      48
      leave ลีฝleft เล็ฟทleftละทิ้ง, จากไป
      49
      lend เล็นดlent  เล็นทlentให้ยืม
      50
      lie ลายlay เลlain เลนนอน
      51
      light ไลทlit  ลิทlitจุดไฟ
      52
      lose ลูสlost ลอสทlostแพ้ ทำหาย
      53
      make เมคmade เมดmadeทำ
      54
      meet มีทmet เม็ทmetพบ
      55
      mistake มิสเตคmistook มิสตุคmistaken มิสเตคเคินทำผิด
      56
      pay เพpaid  เพดpaidจ่าย
      57
      put พุทputputวาง
      58
      quit ควิทquitted ควิทเท็ด (or quit)quit ควิทเลิก
      59
      read หรีดread เหร็ดread เหร็ดอ่าน
      60
      ride รายดrode โรดridden ริดเดินขี่
      61
      ring ริงrang แรงrung รังสั่น (กระดิ่ง)
      62
      rise ไรซrose โรสrisen ริสเซินขึ้น ลุกขึ้น
      63
      run รันran แรนrunวิ่ง
      64
      say เซsaid เซดsaidพูด
      65
      see ซีsaw ซอseen ซีนเห็น
      66
      seek ซีคsought ซอทsoughtค้นหา
      67
      sell เซ็ลsold โซลดsoldขาย
      68
      set เซ็ทsetsetจัด
      69
      shake เชคshook  ชุคshakenเขย่า สั่น
      70
      shine ชายนshone  โชนshoneส่องแสง
      71
      shrink ชริงคshrank  ชแรงคshrunk ชรังหดลง สั้นลง
      72
      sing ซิงsang แซงsung ซังร้องเพลง
      73
      sink ซิงคsank แซงคsunk ซังคจม ถอยลง
      74
      sit ซิทsat แซ็ทsat แซ็ทนั้ง
      75
      slide สไลดslid สลิดslidสื่นไถล, เลื่อนไป
      76
      sleep สลีพslept  สเล็พทsleptนอนหลับ
      77
      speak สปีคspoke สโปคspoken สโปเคินพูด
      78
      spin สปินspun สปันspunม้วน กรอ ปั่นฝ้าย
      79
      split สปลิทsplitsplitแตก, แยก
      80
      spring สปริงsprang สแปรงsprung สปรังโดดอย่างเร็ว, เด้ง
      81
      sting สติงstung  สตังstung สตังต่อย, แทง
      82
      stink สติงคstank สแตงคstunk สตังคส่งกลิ่นเหม็น
      83
      strike สไตรคstruck สตรัคstruckตี, ต่อย? กระทบ
      84
      string สตริงstrung สตรังstrungผูกเชือก ขึงสาย
      85
      swear สแวswore สวอsworn สวอนสาบาน ปฏิญาณ
      86
      swell สเว็ลswelled สเว็ลดswollen สวอลเลินโตขึ้น หนาขึ้น
      87
      swim สวิมswam สแวมswumว่ายนํ้า
      88
      swing สวิงswung สวังswungแกว่ง, เหวี่ยง
      89
      take เทคtook ทุคtaken เทคเคินเอา พาไป
      90
      teach ทีชtaught ทอทtaughtสอน
      91
      tear แทtore ทอtorn ทอนฉีก ขาด
      92
      tell เท็ลtold โทลดtoldบอก
      93
      think ธิงthought  ธอทthoughtคิด
      94
      throw ธโรthrew ธรูthrown ธโรนเหวี่ยง ขว้าง
      95
      wake เวคwoke โวคwaken เวคเคินตื่น, ปลุก
      96
      wear แวwore วอworn วอนสวม, ใส่
      97
      weave วีฝwove โวฝwoven โวฝเฝินทอผ้า, สาน
      98
      weep วีพwept เว็พทweptร้องไห้
      99
      win วินwon ว็อนwonชนะ
      100
      write ไรทwrote โรทwritten ริทเทินเขียน
      • ตารางกริยาปกติ
      REGULAR VERB กริยาปกติ
      Noช่อง 1ช่อง 2ช่อง 3แปล
      1answeransweredansweredตอบ (คำถาม) รับ (โทรศัพท)
      2arrivearrivedarrivedมาถึง ไปถึง
      3attend อะเท็นดattended อะเท็นเด็ดattended(เข้าร่วม) ประชุม
      4beg เบกbegged เบกดbeggedขอ
      5call  คอลcalled คอลดcalledเรียก โทรหา
      6change เชนจึchanged เชนจดึchangedเปลี่ยน
      7clean คลีนcleaned คลีนดcleaned ทำความสะอาด
      8cook คุคcooked คุคทcookedทำอาหาร
      9cry ครายcried ครายดcriedร้องไห้
      10dance แดนซdanced แดนซทdancedเต้นรำ
      11die ดายdied ดายดdiedตาย
      12end เอนดended เอนดิดendedจบ
      13fix ฟิกซfixed ฟิกซทfixedซ่อม
      14hate เฮทhated เฮททิดhatedเกลียด
      15help เฮ็ลพhelped เฮ็ลพทhelpedช่วย
      16kiss คิสkissed คิสทkissedจูบ
      17lift ลิฟทlifted ลิฟเท็ดliftedยก
      18listen ลิซเซินlistened ลิซเซินดlistened ลิซเซินดฟัง
      19live ลิฝlived ลิฝดlivedอาศัยอยู่
      20look ลุคlooked ลุคทlookedมอง
      21love เลิฝloved  เลิฝดlovedรัก
      22move มูฝmoved มูฝดmoved มูฝดย้าย  ขยับ
      23need นีดneeded นีดเด็ดneeded นีดเด็ดต้องการ
      24paint เพ๊นทpainted เพ๊นทิดpaintedวาดภาพ  ระบายสี
      25plan แพลนplanned แพลนดplannedวางแผน
      26play เพลplayed พเลดplayedเล่น
      27rain เรนrained เรนดraindฝนตก
      28returnreturnedreturnedกลับคืน
      29serve เสิฝserved เสิฝดservedเสิร์ฟ
      30shop ช็อพshopped ช็อพทshoppedจ่ายตลาด
      31smoke สโมคsmoked สโมคทsmoked สโมคทสูบบุหรี่
      32sneeze สนีสsneezed สนีสดsneezedจาม
      33snow สโนsnowed สโนดsnowedหิมะตก
      34stay สเตstayed สเตดstayedพักอาศัย
      35stop สต็อพstopped สต็อพทstoppedหยุด
      36study สตัดดิstudied สตัดดิดstudiedเรียน
      37talk ทอคtalked ทอคทtalkedสนทนา
      38travel แทรเวิลtraveled แทรเวิลดtraveledท่องเที่ยว
      39visit วิสิทvisited วิสิทเท็ดvisited วิสิทเท็ดเยี่ยม  เที่ยว
      40wait เวทwaited เวททิดwaitedรอ
      41want ว็อนทwanted ว็อนทิดwanted ว็อนทิดต้องการ
      42wash วอชwashed วอชทwashedล้าง
      43watch ว็อทชwatched ว็อทชทwatched ว็อทชทดู
      44work เวิคworked เวิคทworkedทำงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น